เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแหล่งข่าวบนโลกออนไลน์ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ สำหรับเว็บ Mashable และแน่นอนว่าในการคาดการณ์แนวโน้มต่างๆ แหล่งข่าวแห่งนี้คงมีอิทธิพลต่อกระแสไม่น้อย ลองมาดูกันครับว่า Mashable เองมองกระแสของเทคโนโลยีในปี 2555 อย่างไร โดยผู้ที่ทำหน้าที่พยากรณ์ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Mashable นั่นเอง
(ภาพโดย Richard Moross/Flickr)
“ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมากในช่วงที่ผ่านมา การคาดการณ์สำหรับปี 2555 จึงเหมือนการสุ่มยิงในที่มืด ซึ่งหนึ่งปีถือเป็นเวลาที่ยาวนานมากในยุคดิจิตอล แต่เราก็ยังพอที่จะเดาสิ่งที่จะเกิดขึ้นในช่วงแรกๆ ของปีได้” นี่ถือเป็นการออกตัวของ Pete Cashmore ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO ของเว็บ Mashable.com ที่เป็นที่รู้จักกันดีบนโลกออนไลน์ก่อนที่จะสรุปว่า 10 แนวโน้มเทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้นในปี 2555 ในมุมมองของเขามีอะไรบ้าง
1. Touch Computing – วิธีการป้อนข้อมูลแบบใหม่ที่ใช้การสัมผัสจะกลายเป็นวิธีการหลักในปี 2555 นี้ ซึ่งการสัมผัสจะกลายเป็นวิธีการที่มาทดแทนวิธีเดิม ดังที่การแสดงผลแบบกราฟฟิกสวยงามเคยเข้ามาแทนการพิมพ์ชุดคำสั่งในยุคก่อน ดังนั้นเมาส์ก็อาจจะถูกทดแทนด้วยการสัมผัสก็เป็นได้ ซึ่งตัวชี้ก็คือการพัฒนาระบบปฏิบัติการที่เน้นรองรับการสัมผัส ไม่ว่าจะเป็น OS X หรือ Windows 8 ต่างก็ได้รับการต่อยอดมาจากระบบปฏิบัติการบนมือถือ
2. Social Gestures – การแบ่งปันหรือแชร์ข้อมูลให้คนอื่นทราบจะกลายเป็นเรื่องปกติ ต่อไปนี้เวลาเราฟังเพลง ดูหนัง หรืออ่านหนังสือบนโลกออนไลน์ ข้อมูลกิจกรรมเหล่านี้จะถูกแจ้งให้เพื่อนเราทราบผ่านแอพพลิเคชั่นต่างๆ ที่เราได้อนุญาตไว้ แต่ในขณะเดียวกัน ผู้ใช้ก็อาจจะเกิดอาการผวาในเรื่องความเป็นส่วนตัวก็ได้
3. NFC และ Mobile Payments – ในปีนี้น่าจะเป็นปีที่ mobile payment เติบโตอย่างงดงามโดยเฉพาะเทคโนโลยี NFC ซึ่งเราอาจจะเห็นในรูปแบบของการใช้โทรศัพท์ที่รองรับ NFC ในการชำระเงินที่จุดต่างๆ ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าในปี 2556 ทุกๆ 1 ใน 5 ของโทรศัพท์จะรองรับ NFC ด้วย
4. Beyond iPad – ในขณะที่ Touch Computing เติบโตโดยมี iPad เป็นเจ้าตลาด Kindle Fire ของ Amazon กลับผงาดขึ้นมาเป็นคู่แข่งที่ต้องจับตามองได้ โดยเฉพาะช่วงคริสต์มาสที่ผ่านมาที่ยอดการซื้อ Kindle Fire กระโดดขึ้นมาจนน่าตกใจ สิ่งทีสำคัญที่ทำให้ Kindle Fire และ Amazon น่ากลัวก็คือการมีฐานของข้อมูลที่มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์, หนังสืออีบุ๊ค, รายการทีวี และคอนเทนต์รูปแบบอื่นๆ ที่ Amazon รองรับอยู่แล้ว ซึ่งคอนเทนต์เหล่านี้มีพลังมากกว่าแค่ตัวเครื่อง ซึ่ง Amazon อาจจะกลายเป็นแพลทฟอร์มสำหรับนักพัฒนาที่สามารถต่อกรกับ iPad ได้
5. TV Everywhere – (สำหรับตลาดในประเทศตะวันตกเป็นหลัก) ในขณะเราเริ่มคุ้นเคยกับการดูวิดีโอหรือคลิปต่างๆ ผ่านช่องทางออนไลน์และคิดว่ารายการทางเคเบิ้ลหรือทีวีทั่วไปกำลังจะได้รับความนิยมลดลง บริษัทยักษ์ใหญ่หลายๆ รายก็ได้เริ่มปรับตัวและเปิดให้เราสามารถดูรายการต่างๆ บนอุปกรณ์พกพาได้ด้วย ซึ่งการสมัครเพียงครั้งเดียวจะทำให้ผู้บริโภคสามารถดูรายการต่างๆ ได้หลากหลายช่องทางและทำให้ผู้บริโภคตัดสินใจไม่ยกเลิกการสมัครเป็นสมาชิกบริการเหล่านี้
6. Voice Control – การสั่งงานหรือควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ด้วยเสียงกลับมาฮือฮาอีกครั้งกับการมาของ Siri บน iPhone 4S ซึ่งด้วยความสามารถที่เหนือชั้นมากขึ้นจึงทำให้กระแสนี้กลับมาบูมและแน่นอนว่าผู้ให้บริการ ผู้พัฒนาและผู้ผลิตอีกมากมายจะกระโดดลงมาสู่เส้นทางนี้อย่างแน่นอน
7. Spatial Gesture – นอกจากการสัมผัสที่กำลังมานั้น การควบคุมด้วยการเคลื่อนไหวก็กำลังจะเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน ลองนึกถึงภาพยนตร์เรื่อง Minority Report ที่ Tom Cruise ขยับมือในอากาศเพื่อสั่งงานคอมพิวเตอร์ดู นั่นแหละครับคือกระแสที่กำลังจะเกิดขึ้นหลังจากที่ Kinect ของ Microsoft ได้เกิดขึ้นและมีนักพัฒนาจำนวนไม่น้อยได้พยายามดัดแปลงเอาไปใช้งานในรูปแบบอื่นๆ
8. Second-screen Experiences – ประสบการณ์การใช้งานจอที่สองกำลังจะเกิดขึ้น ลองนึกว่าคุณกำลังดูโทรทัศน์โดยมี iPad ในมือแล้วคุณใช้ iPad ฟังเสียงรายการที่เปิดอยู่ จากนั้นบนจอ iPad ก็แสดงผลคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับรายการนั้นๆ ทันที บริการดังกล่าวเริ่มมีให้เห็นแล้ว เช่น Disney ที่พัฒนาแอพพลิเคชั่นสำหรับภาพยนตร์เรื่อง The Lion King หรือ Bambi ซึ่งบริการรูปแบบนี้น่าจะมีให้เห็นมากขึ้นในปีนี้
9. Flexible Screens – ถึงเวลาของหน้าจองอได้แล้ว Nokia และ Samsung ออกมาประกาศแล้วว่าจะมีผลิตภัณฑ์ที่ใช้หน้าจอที่ยืดหยุ่นออกมาให้เห็นในปีนี้ ซึ่งการใช้งานอาจจะเอื้อต่อการซูมเข้าออกเวลาดูรูป หรือการเลื่อนหน้าด้วยการบิดจอ แต่การงอระดับที่จะม้วนจอเก็บในกระเป๋ากางเกงได้นั้นคงต้องใช้เวลาอีกหลายปีทีเดียว
10. HTML5 – เราได้ยินชื่อนี้มานานแล้ว แต่คงถึงเวลาที่ HTML5 จะเกิดอย่างจริงจังเสียที ซึ่งความนิยมของ iOS และ Android ก็มีส่วนช่วยผลักดันไม่น้อย เพราะการพัฒนาแอพพลิเคชั่นบน HTML5 จะช่วยให้การแสดงผลต่างๆ อยู่ในคุณภาพที่ดีมากและไม่ขึ้นกับระบบปฏิบัติการ นั่นหมายถึงว่านักพัฒนาสามารถพัฒนาแอพพลิเคชั่นเพียงครั้งเดียวแล้วให้แสดงผลได้ทั้งบน iOS และ Android พร้อมๆ กัน
แม้นี่จะเป็นเพียง 10 รายการ ท่ามกลางนวัตกรรมใหม่ๆ ที่มีอยู่อีกเป็นร้อยเป็นพัน แต่ก็เป็นที่น่าจับตามองว่าแล้วชีวิตเราจะต้องเปลี่ยนไปในรูปไหนอีก สิ่งสำคัญก็คือเราควรรู้จักเทคโนโลยีเหล่านี้ไว้ เพราะแม้เราจะไม่สิ่งไปหามัน แต่มันก็จะหาทางเข้ามาสู่ชีวิตเราจนได้ไม่ช้าก็เร็ว
ที่มา: CNN
ยินดีต้อนรับสู่ Dwebsale เว็บดีดีเพื่อการแบ่งปัน (http://dwebsale.com/board/) | Powered by Discuz! X2 |