- สมัครสมาชิกเมื่อ
- 2012-1-13
- เข้าสู่ระบบล่าสุด
- 2012-12-14
- สิทธิ์ในการอ่าน
- 100
- เครดิต
- 571
- สำคัญ
- 0
- โพสต์
- 347
|
ถือเป็นอีกหนึ่งดีเจหนุ่มที่เรียกได้ว่างานเข้าชนเงินเข้ามือตลอดเวลาเลยจริงๆ สำหรับ “เป๊ก-เปรมณัช สุวรรณานนท์” เพราะช่วงนี้มีทั้งหน้าที่ดีเจที่ทำประจำ งานเพลงที่อยากจะทำและงานพิธีกรในรายการชื่อดังต่างๆ แถมตอนนี้กำลังจะมีละครกับทางช่อง 3 เรื่องภูผาแพรไหม...
ซึ่ง เป็นละครยาวเรื่องแรกในชีวิตของเจ้าตัวและเป็นครั้งแรกที่ได้รับบทร้ายอย่างเต็มตัว เพราะส่วนใหญ่จะเคยเล่นแต่บทร้ายเล็กๆ ในมิวสิควีดิโอของนักร้องชื่อดังหลายคน เริ่มจะกลายเป็นดาราหนุ่มที่งานชุกที่ต้องทำงาน 7 วันเวลาพักผ่อนก็จะยิ่งไม่มีเข้าไปใหญ่ แต่ถึงอย่างไรดูหนุ่มเป๊กจะตื่นเต้นกับบทบาท ‘เจ้าแสงฉาย’ อยู่ ไม่น้อยเลยทีเดียว เล่าให้ฟังว่าทั้งสนุก ตื่นเต้นที่ได้เรียนรู้หรือลองอะไรใหม่ๆ พร้อมทั้งกดดันเพราะเป็นนักแสดงหน้าใหม่และฝีมือก็ยังใหม่อีกด้วย กลัวจะทำให้คนอื่นเสียเวลา แต่รู้สึกดีที่ผู้ใหญ่เล็งเห็นถึงความสามารถให้โอกาสทำหน้าที่ตรงนี้ รวมถึงเรื่องหัวใจที่เดินควบคู่ไปกับการทำงานได้เป็นอย่างดี นักร้องเสียงทรงพลัง อย่าง ‘นิว-นภัสสร ภูธรใจ’ เป็นคนทำให้หัวใจชุ่มชื่นคอยให้กำลังใจและแบ่งปันความสุขของกันและกันเสมอ เรียกว่าเป็นตัวจริงที่ไม่ไร้ตัวตนอย่างแน่นอน
Q : ตอนนี้ทำอะไรอยู่บ้าง?
A : “ตอนนี้ก็มีดีเจครับ ฮอตเวฟ 91.5 ซาส์โดนทีนครับช่วงเวลา 20.30-12.00 น. จันทร์-ศุกร์ เลยครับ แล้วยังมีรายการรถโรงเรียน รายการแบงรูม แล้วก็มีรายการฮอล์ลิเดย์เจแปน รายการอายุน้อยร้อยล้านครับ แล้วก็มีละครครับ เรื่องภูผาแพรไหม กำลังจะออนแอร์ทางช่อง3 ศุกร์-อาทิตย์ครับ ช่วงเวลาประมาณปลายกุมภาหรือต้นมีนาครับ”
Q : เริ่มเขยับมาเล่นละครแล้วด้วย?
A : “ใช่ครับ แล้วก็มีเรื่องเพลงจริงๆ ตอนนี้ก็ทำอยู่แต่ว่าขอเก็บไว้ก่อน คือตอนนี้ทำทุกอย่างจริงๆ ครับ 7 วันนี่ก็แถมจะไม่มีเวลาหยุดเลยครับ”
Q : งานไหนทำแล้วรู้สึกสนุกกว่ากัน?
A : “มันสนุกทุกอย่างถ้าเราได้ลอง บางทีทุกอย่างทุกงานจะสนุกตรงที่เราจะได้ตื่นเต้นกับมันในช่วงแรกๆ พอตื่นเต้นแล้วเราจะเกร็งกับมันเพราะว่าเรายังไม่เคยลองอะไรใหม่ๆ มาก่อนเช่น ละครนี่ วันแรกๆ มวนท้องเลยปวดท้องเพราะว่าไม่รู้จักกับใคร เราก็ต้องไปเริ่มทำความรู้จักแล้วก็เรื่องการแสดงอีก เราจะกดดันตัวเองเวลาเราไปเจอคนเก่งๆ ไม่ว่าจะเป็นพี่ปอ ทฤษฎี น้อง แต้ว พอไปเล่นเราก็กดดันเราต้องพยายามเล่นให้ดี เราต้องจำบทดูด้วยว่าแต่ละอันต้องพูดยังไง คิดว่าควรจะเล่นยังไง เราเล่นไม่ธรรมชาติเหมือนเขา ฝากคุณผู้ชมถ้าได้ดูหลายคนมองว่าอาจจะเล่นแข็งเกินไป มันเป็นเรื่องแรกๆ ของเรา มีสภาพแวดล้อมหลายๆ อย่าง เราเป็นเด็กใหม่ด้วยเราเพิ่งแสดงไม่รู้จักใครด้วย เขาไปในกองไม่รู้จะเล่นยังไงด้วย มันก็กดดันไปหมด”
Q : คิดว่าผู้จัดเห็นแววเราจากไหน เลยจับมาเล่นละครซะเลย?
A : “อันนี้ไม่รู้เหมือนกันครับ มานี่ก็เล่นตัวร้ายเลย หน้าคงร้ายมั้งครับ แล้วส่วนมากที่เล่นเอ็มวีเพลงก็จะเล่นเป็นผู้ชายที่ทำร้ายจิตใจผู้หญิง แต่คราวนี้มาร้ายแบบเป็นเจ้าทุกอย่างบุคคลิกดี หน้าตาก็เลยต้องโอเคด้วย (ยิ้ม) เราชอบนางเอกแต่นางไม่สนใจ เราต้องเล่นร้ายแต่ให้คนสงสาร เราจะเล่นยังไงตรงนี้เล่นยากมากเลยครับ”
Q : เล่าถึงคาแร็ตเตอร์ตัวละครตัวนี้ให้ฟังหน่อย?
A : “เป็น เจ้าซึ่งอยู่ข้างนอกเมืองแล้ว เป็นเจ้าที่เข้ามาเห็นนางเอกจากรูปภาพหน้าร้านแพรไหมของแม่เขา พอเราเห็นก็คิดว่าคนนี้แหละคือคนที่ใช่ เรารักจากรูปถ่ายพอเราไปเจอตัวจริงเราก็ปฏิบัติกับเขาดีที่สุด ไม่ว่าเขาจะด่าจะว่าดุเรายังไงเราก็ไม่สนใจ เราแค่คิดว่าเรารักเขาแล้วก็คิดว่าสักวันนึงเราจะปราบพยศให้อยู่หมัดเลย แล้วก็จะต้องแต่งงานกับเขาให้ได้ใช้เงินใช้อำนาจทุกอย่างเพื่อให้ได้เขามา แต่สุดท้ายเหมือนจะได้แต่ก็ได้แค่ตัวแต่หัวใจไม่ได้ ช่วงที่ร้ายก็คงจะเป็นช่วงที่ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มา แต่เราก็ต้องมีลุคเป็นคนดีไว้ด้วย เหมือนว่าผมเป็นตัวร้ายที่ต้องเล่นเป็นพระเอกเพราะว่าเป็นเจ้าและก็ทำให้ เกร็งในการเล่นด้วย เราก็ยังไม่รู้ว่าพี่ๆ เขาอยากให้เราเล่นประมาณไหน”
Q : ถือว่าเป็นบทนำของเรื่องเลย รู้สึกยังไงที่ผู้ใหญ่ให้โอกาสเราได้เล่น?
A : “รู้สึก ดีใจครับ ที่ผู้ใหญ่เล็งเห็นว่าเราก็เล่นได้ ปกติเรามาทางสายพิธีกร สายดีเจ ซึ่งก็เน้นทางการพูดและก็จะมองเห็นแค่มุมตลกๆ แต่ยังไม่เห็นถึงของข้างในเราที่เราก็ควรจะเล่นอย่างอื่นได้บ้าง ต้องขอบคุณทางพี่ไก่-วรายุธ ที่เล็งเห็นว่าเราน่าจะสามารถมาทางสายละครได้เหมือนกัน เพราะว่าเราเคยไปออกรายการต่างๆ ของเขา ทางทีมงานคงประชุมมาแล้วเห็นพอดีว่าลุคนี้น่าจะเหมาะสมนะ หรือเขาอาจจะเลือกไว้หลายคนแล้วคนอื่นเกิดคิวไม่ว่าง โชคเลยมาตรงที่ผมต้องขอบคุณที่เขาเห็นแล้วก็ให้โอกาสผม ขอบคุณมากจริงๆ ครับ”
Q : หลายคนก็โด่งดังจากบทร้าย ส่วนตัวคาดหวังบ้างไหม?
A : “ถ้าพูดว่าไม่คาดหวังเลย ก็ไม่ได้ที่จริงผมไม่คาดหวังตรงที่เราเป็นนักแสดงใหม่เล่นเรื่องแรกทางช่อง3 ผม ก็เลยไม่คาดหวังว่าคนจะมารู้จักโด่งดังเปรี้ยงปร้างในฐานะละคร แต่คาดหวังให้คนยอมรับ เรามาสายพิธีกรคนจะติดภาพตลก เฮฮา ยิ้มแย้ม แต่กลายเป็นว่าไม่เชื่อเราในฐานะละคร กลัวคนคิดว่าเก๋งไปก็เท่านั้นที่จริงไม่ใช่คนแบบนี้ อ้าว ถ้าคนไม่ยอมรับผมเล่นไปก็เท่านั้น ถ้าติดภาพพิธีกรก็เลยอยากจะให้มองในบทบาทของละครครับ เพราะเราก็ใช้ความสามารถไปเล่นในละครเรื่องนี้ได้โดยที่เราพยายามที่สุดแล้ว”
Q : งานล้นมือทั้งพิธีกร งานเพลง แถมละครอีก มีการแบ่งเวลายังไง?
A : “ต้องยอมรับว่าตอนนี้ดูแลตัวเองคนเดียวไม่ได้ ก็โชคดีที่มีพี่อี๊ดดูแลคิวให้ แต่ก็ไม่ถึงผู้จัดการส่วนตัว แต่พี่คนนี้สนิทกันตั้งแต่ทำรายการเวคคลับแล้ว เหมือนเขาก็ดูแลคิวให้เราตลอดแล้วเขาก็ทำด้วยใจ เพราะว่าถ้าเราคนเดียวก็ไม่สามารถคุยเรื่องคิวกับผู้ใหญ่ได้กลัวจะหาว่าเรา เรื่องเยอะ ทั้งที่จริงๆ ทุกอย่างเป็นหน้าที่ที่ต้องทำหมดไง ก็เลยต้องมีคนคุยให้ว่างานนี้น้องเขาไปทำจริงๆ เพราะอาจจะเด็กไปแล้วเขาไม่เชื่อ ผมตื่นเช้า 6 โมง ทุกวัน จบเที่ยงคืนแล้วก็ต้องตื่นเช้าทุกวันอย่างนี้ และยิ่งมีกรีนฮอลิเดย์เจแปนที่ต้องไปต่างประเทศนานๆ ต้องให้เขาขอให้ได้ว่าเราจะกลับมาจะถ่ายให้แน่นๆ ตอนนี้ก็เลยแน่นมาก 7 วันเลยครับ เรียกว่าเหนื่อยจนชินเลยก็ว่าได้ อย่างที่ดวงบอกเลยว่าเราจะดังจะรวยก็อยู่ที่ความขยัน ความพยายามของเราเอง ซึ่งก็เป็นผลแล้ว หนักกว่าคนอื่นเขาแต่ว่าถ้าทำให้เราได้ดีในอนาคตได้เราก็ต้องทำ ยกเว้นเรื่องเดียวคือเรื่องสุขภาพพ่อแม่เป็นห่วงมาก”
Q : ความเหนื่อยทำให้เรานอยส์ไม่มีแรงทำงานต่อไหม?
A : “สติและสมาธิจะน้อยลงครับ นอนๆ แล้วต้องลากซากตัวเองไปมันจะรู้สึกเบาๆ หวิวๆ คนอื่นมาบอกว่าทำงานหนักมา 3 งาน เหนื่อยแล้วก็มาฟุ๊บหลับ เราก็เฮ้ยเราเหนื่อยจนชินแล้ว ทำอย่างนี้เหนื่อยทุกวันจนมันเหนื่อยไม่รู้ตัวแล้ว บางทีเรารู้สึกว่าเอ๊ะทำไมวันนี้ฟิตจังเลย เสียงเต็มที่คือเราวันนั้นเราได้นอนเยอะหน่อย ทำให้เราพูดมากได้พูดเรื่อยเปื่อยได้ แต่ถ้าบางวันจะคิดอะไรไม่ออกครับ เพราะว่าการเหนื่อยมันฝังในร่างเราโดยไม่รู้ตัว ฉะนั้นการพักผ่อนถือว่าสำคัญมาก อยากจะบอกทุกคนว่าทำงานหนักแล้วช่วยได้คือไปตรวจสุขภาพบ่อยๆ หาเวลานอนเล็กๆ น้อยๆ ถ้าใครหลับลึกจะถือว่าช่วยได้ กินน้ำเยอะๆ พยายามกินยาบำรุง”
Q : ทำงานเยอะอย่างนี้มีเวลาดูผลงานตัวเองบ้างไหม?
A : “อันไหนที่เราทำจนชินแล้วก็จะไม่ดูครับ แต่ถ้าอันไหนที่งานใหม่ๆ เพิ่งทำเราจะดูเพราะว่าอะไรที่ยังไม่เข้าที่เข้าทาง รู้สึกอยากจะปรับปรุงให้ดีที่สุดก่อน แล้วค่อยให้อยู่ตัวเราก็จะสบายใจครับ”
Q : อยากให้คนดูจดจำเราในบทบาทไหนมากกว่ากัน?
A : “พิธีกรแล้วกัน เพราะเป็นอาชีพที่หาเลี้ยงชีพผมมาว่า 10 กว่าปีแล้ว ทำเงินให้ผมมา 10 กว่า ปีแล้ว ผมก็เลยไม่อยากทิ้ง ทั้งทีตอนแรกไม่ใช่เลยเพราะผมเป็นคนไม่ชอบพูด พูดไม่เก่งพูดไม่รู้เรื่อง แต่หน้าที่พิธีกรปลูกฝังและผลักดันให้ผมต้องพูด คิดมุขนู้นมุขนี่ เข้ากับคนอื่นยังไงสะสมให้เราฝึกมาเอง ทุกอย่างอย่าฝืนต้องฝึกครับ”
Q : เรียกว่างานพิธีกรเป็นประตูที่ทำให้เราก้าวเข้ามาในวงการบันเทิง?
A : “บังเอิญมากกว่าเราเป็นแค่เด็กที่เข้ามาขอสปอร์ตเซอร์ในงานแกรมมี่แค่เนี่ย เป๊กเป็นนักบอล เราเป็นแค่อยากทำกิจกรรมโรงเรียนพอเสร็จมาขอสปอรต์เซอร์แล้วเขาดึงมาทำ พิธีกรรายการพอเข้ามาได้เริ่มเป็นพิธีกรรายการเกี่ยวกับกีฬา 20-30 เทค ช่วงที่มาอัดรายการแรกๆ ก็ต้องขอบคุณทุกคนที่เขารับได้ (หัวเราะ)”
Q : ปิดท้ายด้วยเรื่องหัวใจกันหน่อย เราเริ่มมีงานเยอะมากขึ้นแบ่งเวลาให้แฟนยังไงบ้าง?
A : “คนปัจจุบันนี้ (นิว) เขาช่วยให้ผมเหนื่อยน้อยลงครับ นอกจากกำลังใจแล้วก็ช่วยดูแลทุกอย่างด้วย ความเข้าใจมากกว่า เขารู้ว่าผมเหนื่อยแล้วก็ทำงานหนักมาก เขาทำให้เรารู้สึกว่าเขาก็ทดแทนให้ได้ เพราะสุดท้ายความรักแค่เข้ามาโดยที่ไม่ทะเลาะกันไม่หาเรื่อง ผมว่าก็สบายใจแล้ว ร่างกายของเราก็สู้ไหวอยู่ทุกวัน แต่ว่าถ้าใจเราไม่สู้ผมว่าทุกอย่างมันก็เหนื่อยแล้วก็แพ้อะไรหลายๆ อย่างไม่มีกำลังจะทำงาน แต่ถ้าเรามีกำลังที่ดีไม่ทำให้เราห่อเหี้ยว ผมว่าก็กำลังใจมีพลังในการทำงานต่อไปได้ก็ขอบคุณครับที่คนปัจจุบันนี้เขา ช่วยดูแลอย่างดีทั้งร่างกายและจิตใจครับ หาอะไรให้เรากินบำรุงสุขภาพ แบ่งกันให้กำลังใจตลอดเพราะว่าอาจจะทำงานสายเดียวกันก็ได้เขาก็เลยเข้าใจ เราแบ่งหัวใจให้กันให้ชุ่มชื่นหัวใจให้มีความสุขในการทำงานของเราทั้งคู่ก็ ดีเหมือนกันครับ”.
ขอบคุณข่าวจาก: ไทยรัฐออนไลน์
ขอบคุณ Plugin ดีๆจาก อสังหา.ไทย - ข่าวอสังหาทั่วไทย
ข่าวเด่น - คลองสามวา, คลองเตย, ดอนเมือง,ทวีวัฒนา
|
ไฟล์แนบ: คุณจำเป็นต้องเข้าสู่ระบบก่อนจึงจะสามารถดูและดาวน์โหลดไฟล์แนบได้ หากยังไม่มีแอคเคานต์หรือยังไม่ได้เป็นสมาชิก กรุณาสมัครสมาชิก
|